วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษ

หน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษ (ภาค1)

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า เรื่องที่ผมเขียนอยู่นี้ ไม่ใช่เน้นตำราเท่าไหร่ เพราะการเน้นอย่างตำรา เราไปอ่านที่ไหนก็ได้ ทั้งในอินเตอร์เน็ตและในหนังสือ แต่ที่เขียนอยู่คือเน้นให้เข้าใจง่าย และเป็นการทบทวนโดยจะตัดเงื่อนไขที่จุกจิกเกินไปออก เพราะฉะนั้น อย่าหวังสูงกับบล็อคนี้จะครับ เน้นปฏิบัติครับ ไม่ใช่ทฤษฏี เน้นการใช้งาน ไม่ใช่เอาไปใช้ในห้องเรียนครับ และเป็นการเขียนสดๆ คือนึกอะไรได้ก็เขียน จึงอาจมีข้อตกหล่นอยู่บ้าง ต้องขออภัย และจะกลับมาเขียนเพิ่มเติมให้ทีหลังด้วยครับ

การอ่านภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง จำเป็นต้องรู้ว่า คำในประโยคนั้นๆ ทำหน้าที่อะไรในประโยค เพราะคำบางคำจะทำหน้าที่ขยายคำอื่น ไม่ใช่คำหลักๆ ในประโยค แต่คำบางคำทำหน้าที่หลักในประโยค จึงจำเป็นต่อการแปล

เริ่มจากชนิดของคำก่อนนะครับ

1. คำนาม (noun) คือ คน สัตว์ สิ่งของ (เริ่มต้นครับ เพราะมีอย่างอื่นด้วย เช่น คำที่ขึ้นต้นด้วย การ... ความ... แต่อย่าเพิ่งไปสนใจครับ)

2. คำกริยา (verb) อาการที่กระทำ คือ การเคลื่อนไหว เช่น วิ่ง เดิน จับ จาม ขโมย (นึกถึงภาษาไทยไว้ครับ ก็เหมือนคำกริยาในภาษาไทยนั่นแหละ)

3. คำคุณศัพท์ (adjective) หรือ adj. ถ้าเปิด dictionary เราจะเห็นต่อท้ายคำศัพท์ว่า (a) นั่นแหละครับ คำคุณศัพท์
เอาล่ะหวา..... คำไทยก็เรียกยาก อังกฤษยิ่งเรียกยากขึ้นไปใหญ่ มันคืออะไรเนี่ย
เอาเป็นว่า คำคุณศัพท์คือ คำที่ขยาย คำนาม ง่ายมั๊ย ว่าง่ายก็ง่าย ว่ายากก็ยิ่งยากกว่า (เพราะชนิดของมันเยอะมาก)

4. คำกริยาวิเศษณ์ (adverb) หรือ adv. คือ คำขยายคำกริยา

เ่อ่อ..... จำไว้ว่า คำคุณศัพท์ ขยายคำนาม คำกริยาวิเศษณ์ (adverb) ขยายกริยา (adverb ต้องขยาย verb)

ขยายยังไง.....

adjective ขยายคำนาม ว่า คำนามนั้น มีลักษณะ สี ขนาด สวยงาม น่าเกลียดน่าชัง อย่างไร คือ เป็นคำอธิบายลักษณะของคำนามนั่นแหละครับ รวมถึงความรู้สึกด้วย เช่น เสียใจ ดีใจ กลุ้ม ประหม่า อะไรอย่างนี้เป็นต้น
ความรู้สึกเนี่ย เป็นคำคุณศัพท์นะครับ ไม่ใช่คำกริยา แยกแยะให้ออก เสียใจเป็นคำคุณศัพท์ ร้องไห้ เป็นกริยา ดีใจ เป็นคุณศัพท์ หัวเราะเป็นกริยา

adverb ขยายคำกริยา เช่น ร้องไห้ เป็นกริยา แล้วร้องไห้ เป็นยังไง ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร หรือร้องไห้อย่างหนัก คำว่าอย่างหนัก เป็นคำ adverb คนเดิน เดินเร็ว เดินช้า

ลองดูนะครับ

เขาจับลูกแมวสีดำอย่างทุนถนอม
เขา (คำนาม) จับ (กริยา) ลูกแมว(คำนาม) สีดำ (adj. เพราะขยายลูกแมวว่ามีสีดำ) อย่างทุนถนอม (adv. เพราะขยายคำว่าจับ คือจับอย่างทนุถนอม)

เด็กผู้หญิงผมทองคนนั้น ร้องไห้ฟูมฟาย
เด็กผู้หญิง (n.) ผมทอง (adj. ขยายคำนามคือเด็กผู้หญิงมีผมทอง) ร้องไห้ (v.) ฟูมฟาย (adv. ขยายร้องไห้ ว่า ร้องอย่างฟูมฟาย)

แมวอ้วนจับหนูอย่างว่องไว
แมว (n.) อ้วน (adj. ขยายแมวว่าอ้วน) จับ (กริยา) หนู (n.) อย่างว่องไว (adv. ขยายคำว่าจับ คือ จับอย่างว่องไว)

ไอ้แมวลายตัวนั้นน่ะ จับหนูสีขาวได้ในตลาด เสร็จแล้วมันก็วางหนูลง เลียปากแผล่บๆ ด้วยความหิวกระหาย
แล้วก็ขยอกเข้าไปทีละนิดๆ (อึ๋ย ขนลุก)

หวาย... ยาวจัง
คำบางคำเป็นวลีขยายครับ เอาเฉพาะคำที่เราต้องการแยก ไม่ต้องแยกทุกคำ
แมว - n. / ลาย -adj / จับ - v. / มัน n. (จริงๆ แล้วมันเป็นคำสรรพนามครับ) /วาง - v. / หนู - n. / เลีย - v./ แผล่บๆ - adv. (ขยายคำว่าเลีย) / ขยอก (กลืน) -v. / ทีละนิด - adv. (ขยายคำว่าขยอก)


คำบางคำความหมายเป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์และกริยาวิเศษณ์นะครับ ต้องอาศัยดูรูปประโยคเอา ว่างๆ ลองเอาประโยคใดประโยคหนึ่งในภาษาัอังกฤษมาแยกแยะดูก็ได้ครับว่า มีคำชนิดใดในประโยคบ้าง)

to be continued โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ..............

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การใช้ a, an, the อย่างง่ายที่สุด

ทิ้งไปซะนานนะครับ สำหรับบล็อคนี้ จริงๆ แล้วบล็อคนี้ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนบล็อค addenglish ในเรื่องไวยากรณ์น่ะครับ เพราะบล็อค addenglish เป็นบล็อคแปลข่าว ทำเพื่อแปลข่าวอย่างเดียว ถ้าเพิ่มไวยากรณ์ไปด้วยมันจะยาวเกินไปน่ะครับ เสียเวลาเขียน แล้วเหตุผลที่สำคัญที่สุดในการหยุดเขียนไปซะนานก็คือ ความขี้เกียจน่ะครับ แฮ่ะๆ

ตั้งแต่นี้สัญญาว่าจะเขียนไวยากรณ์ในบล็อคนี้ทุกอาทิตย์ครับ อย่างน้อยก็สองอาทิตย์ครั้ง..เอ้า.. ด้วยเกียรติของลูกเสือ

เนื้อหาอาจจะเคยเห็นมาเยอะ จากหนังสือเรียนและเว็บอื่นๆนะครับ แต่จะตัดเรื่องที่ยากต่อการจำออก และพยายามจะยกตัวอย่างที่ง่ายต่อความเข้าใจนะครับ เอาให้อ่านง่ายที่สุดแล้วกัน

a, an, the เขาเรียกกันว่า article นะครับ แต่ใช้ยังไงกันล่ะ

a กับ an แปลว่า หนึ่ง ถูกต้อง แล้วครับ (ใครๆ ก็รู้)

a อ่าน ว่า เอ หรือ อะ ก็ได้ (จริงๆแล้วไม่ใช่ออกเสียงอะ ตรงๆ แต่ออกเสียงว่า เออะ)

a, an ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์ (ไม่ใช่วงศ์นาค) คือ ของที่มีอันเดียว, สิ่งเดียว (ไม่ใช่หลายสิ่ง..ก็ใช่)

a กับ an ใช้ต่างกันตรงที่ว่า a ใช้นำหน้าคำนามที่นำหน้าด้วยพยัญชนะทั่วไป ตั้งแต่ b ถึง z ยกเว้น a,e,i,o,u

anใช้นำหน้าคำนามที่นำหน้าด้วยสระในภาษาอังกฤษ คือ e,a,i,o,u

เช่น a cat แมวตัวหนึ่ง (แหม เหมือนสอนเด็กอนุบาลเลย แต่พยายามอ่านหน่อยนะครับ อย่าคิดว่าสอนเด็กเลย ผู้ใหญ่บางคนก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกนี้ใช้ยังไง เพราะมันมีข้อยกเว้นน่ะครับ)

a dog a pencil a plane

an umbrella an ox an orange

สังเกตดูนะครับว่า สระในภาษาอังกฤษจะออกเสียงเป็น อ.อ่าง อัมเบร้ลหล่ะ อ๊อกซ์ ออ-เร้นจ์

แต่ถ้า university ล่ะครับ U เป็นสระเหมือนกัน แต่ไม่ยักกะออกเสียงอ.อ่าง กลับออกเสียงย.ยักษ์ คือ ยูนิเว้อซิถี่ หรือ unit ที่แปลว่าหน่วย, ห้อง ออกเสียงว่า ยู-หนิท

คำเหล่านี้ ถ้าไม่ได้ออกเสียง อ.อ่าง ต่อให้ขึ้นต้นด้วยสระ ก็ให้ใช้ a นะครับ

ว่ากันถึงเรื่อง The นะครับ (article อย่างหนึ่งเหมือนกัน)

The ใช้ยังไง ..... ใช้นำหน้าคำนามน่ะซีครับ...

ถูกต้อง........... พูดอีกก็ถูกอิฐ....................

แต่มันมีกฎอย่างนี้นะครับ (เอาง่ายๆ นะ ไม่ต้องมีข้อ 1,2,3 มันยาวไป)

The ใช้นำหน้าคำนามที่เราต้องการเน้นมากกว่า a, an น่ะครับ

ดูตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

A cat is in the toilet. แมวอยู่ในส้วม
กับ
The cat is in the toilet. แมวอยู่ในส้วม

อ้าว.. เหมือนกันนี่หว่า..แล้วมันต่างกันตรงไหน

A cat หมายถึงแมวทั่วไปที่เราไม่ได้เจาะจงว่าเป็นตัวไหนไงครับ คือ มีแมวตัวหนึ่ง (ตัวไหนก็ไม่รู้ อยู่ในส้วม) แต่ถ้า The cat คือ อ๋อ.. ไอ้แมวตัวนั้น (ตัวที่เรารู้จัก อาจเป็น ไอ้หง่าว ไอ้หลุยส์ นังสมชาย มันอยู่ในส้วม) คือเป็นการเน้นเฉพาะไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่านะครับ

ถ้าเราต้องแต่งประโยคยาวๆ สักสองประโยค (เท่านี้ก็ยาวแล้วสำหรับคนไทย) หรือหลายประโยค ยกตัวอย่าง
A dog is biting that boy. A dog is black.
ประโยคแรก หมาตัวหนึ่งกำลังกัดเด็กคนนั้น ประโยคที่สองคือ หมาสีดำ คือมาขยายประโยคข้างหน้าว่า หมาตัวนั้นสีดำ เพราะฉะนั้น ยกตัวอย่างประโยคนี้ ผิด

ถ้าเราไม่ได้ใช้คำสรรพนาม it แทน ในประโยคต่อไป เราไม่ต้องใช้ a แล้วนะครับ ให้ใช้ the ได้เลย คือ
A dog is biting that boy. The dog is black
เป็นการเน้นถึงหมาตัวแรกน่ะครับ ประโยคนี้ถูก

อีกประการหนึ่ง
The ใช้กับสิ่งที่มีอันเดียวในโลก หรือ สิ่งที่ใหญ่ๆ ทางภูมิศาสตร์ ครับเช่น
The sky The sea The ocean The sun The moon
เราไม่ใช่ a sky a sea นะครับ

******************************************************************